ว่ากันว่า โรคระบาดร้ายแรง จะเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจชิปปิ้ง ธุรกิจให้บริการ ธุรกิจ E-Commerce ฯลฯ และดูเหมือนจะเป็นจริงหลังจากคนทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนามาตั้งแต่ต้นปี 2020
หายนะของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อยอดคนป่วยและคนตายทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา อิตาลี และประเทศยุโรปตะวันตก ยังส่งผลต่อความล่าช้าของการขนส่งหรือชิปปิ้ง รวมทั้งเศรษฐกิจโลกให้ย่ำแย่ไปตามๆ กัน สินค้าไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ เกิดความขาดแคลนของสินค้าที่จำเป็น คนตกงานทั่วโลก สังคมถูกกำหนดด้วยระยะห่าง ตลอดจนพฤติกรรมของคนที่นับจากนี้ จะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
สำหรับในช่วงเวลานี้ ที่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ Covid-19 จะเริ่มคลี่คลายและเบาบางลง หลายประเทศเริ่มควบคุมสถานการณ์และยอดผู้ติดเชื้อได้แล้ว รัฐบาลส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศ กำลังเตรียมรับมือเพื่อหาทางฟื้นฟูและเยียวยาประเทศอย่างเร่งด่วน พร้อมปล่อยแผนพัฒนาเศรษฐกิจหลังวิกฤต Covid-19 ผ่านพ้น อาทิ เริ่มทยอยเปิดสถานบริการบางแห่ง เพื่อให้ธุรกิจการค้าภายในประเทศดำเนินต่อไปได้ ขณะที่เศรษฐกิจระหว่างประเทศ เริ่มมีการเชื่อมต่อ การให้บริการชิปปิ้งและขนส่งยังคงดำเนินต่อไป ส่วนการผลิตสินค้าเริ่มกลับมาสู่หนทางที่สดใส
อย่างไรก็ตาม เราได้รวบรวมข้อมูลบางส่วนที่น่าสนใจและเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิต โลจิสติกส์ และพฤติกรรมของคนที่จะเปลี่ยนแปลงไปหลังจากนี้ ได้แก่
ด้านการผลิต
ในช่วงที่เกิดโรคระบาดร้ายแรงนั้น ผู้คนถูกกักตัวอยู่กับบ้าน รวมทั้งมาตรการ Work from Home และงดเดินทางออกต่างจังหวัด เศรษฐกิจการค้าในช่วงเวลานี้ จึงหยุดชะงักตามไปด้วยเนื่องจากไม่มีคนจับจ่ายใช้สอย เช่น ราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว ทองคำมีราคาแข็งตัว และอาจยังคงอยู่สถานการณ์ดังกล่าวต่อไปอีกสักระยะ อาทิ
- ราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนและความต้องการของน้ำมันทั่วโลกยังลดลง 30%
- การผลิตน้ำมันจะลดลง 10% ส่งผลให้เป็นปัญหาในการจัดเก็บน้ำมันเพิ่มขึ้นตลอดปี 2020
- การกำหนดราคาทองแดงยังคงลดลง 17% จากปีที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจะมีกำไรมากกว่า 10%
- การกำหนดราคาอลูมิเนียมยังลดลง 17% ตั้งแต่ต้นปี
ด้านการขนส่ง
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์หรือบริษัทที่เป็นบุคคลที่ 3 (3PL*) ยังคงได้รับความนิยมในการใช้บริการ โดยเฉพาะด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ที่แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
- การขนส่งสินค้าทางทะเล ท่าเรือในสหรัฐอเมริกายังคงเปิดให้ดำเนินการ แต่ในระหว่างที่เรือไม่เข้าจอดเทียบเท่าประกอบกับความต้องการทางการค้าลดลง ทำให้ปริมาณการขนส่งทางทะเลลดลง 30%
- การขนส่งทางอากาศยังมีความจำเป็น เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศทั่วโลกได้ถูกระงับ และความสามารถในการขนส่งทางอากาศ ส่วนใหญ่ถูกสงวนไว้สำหรับอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หรือ PPE (Personal Protective Equipment) รวมทั้งชุดทดสอบ Covid-19 ที่มาจากจีนและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย
- การขนส่งภาคพื้นดินยังคงพร้อมใช้งานสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม อัตราค่าขนส่งยังมีการแข่งขันที่สูง แม้ว่าค่าน้ำมันดีเซลจะลดลง ด้านสถานีขนส่งและศูนย์จัดส่งยังคงแออัด เนื่องจากการขนส่งในช่วงที่ผ่านมาถูกปิด ทำให้สินค้ายังคงมีอยู่ในคลังสินค้า อย่างไรก็ตาม การขนส่งระหว่างประเทศทางรถ ยังคงมีความล่าช้าอยู่เนื่องมาจากมาตรการตรวจเข้มและป้องกันเชื้อไวรัส
พฤติกรรมของผู้บริโภคหลังจากนี้
Hill + Knowlton Strategies บริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ทั่วโลก ระบุว่า มากกว่า 56% ของผู้บริโภคต่อจากนี้ไป จะใช้จ่ายน้อยลงและจะซื้อสินค้าที่จำเป็นในปัจจุบันเท่านั้น ร้านค้าปลีกจะพัฒนาไปสู่การเป็นร้านค้าที่มีทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ (Brick & Mortar) ซึ่งจะประสบความสำเร็จมากกว่าการเป็นเพียงร้านค้าปลีกออฟไลน์อย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ร้านค้าปลีกจะเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ทว่า ธุรกิจ E-Commerce ส่วนใหญ่ยังคงครองตลาดต่อเนื่องโดยเฉพาะ E-Commerce รายใหญ่อย่าง Amazon นอกจากนี้ นับจากนี้ไป ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับความภักดีของแบรนด์ลดลง แต่หันมาหาผลิตภัณฑ์ที่พร้อมใช้งานมากกว่าถึง 40% ถึงแม้จะเป็นแบรนด์ที่ไม่คุ้นเคยก็ตาม
หมายเหตุ : *3PL หมายถึง บริษัทที่ทำหน้าที่ให้บริการทางโลจิสติกส์รูปแบบต่าง ๆ เช่น จัดส่งชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์มาให้โรงงาน จัดส่งสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว จากโรงงานไปให้ร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่าย โดยทั่วไปแล้ว 3PL จะให้ บริการหลายอย่าง ทั้งการขนส่ง คลังสินค้า เพื่อจัดเก็บ การบรรจุหีบห่อ ฯลฯ)
อ้างอิงข้อมูล :
https://solutions.borderstates.com/coronavirus-impacts-on-global-supply-chain/
https://www.hkstrategies.com/how-covid-19-will-change-consumer-behavior-purchase-patterns/